คิดใหม่กับการขนส่ง
เขียนโดยผมตื่นเต้นที่จะประกาศว่า Uber ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Otto ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพที่มีพนักงานประมาณ 90 คน และมีพันธกิจหลักคือการคิดใหม่กับการขนส่ง เริ่มจากการพัฒนาระบบไร้คนขับสำหรับรถบรรทุก โดย Anthony Levandowski ผู้ร่วมก่อตั้ง Otto จะเป็นนำทีมดูแลโครงการรถไร้คนขับและรายงานตรงต่อผม ที่รวมถึงเรื่องการเดินทางส่วนบุคคล การขนส่งของ และรถบรรทุก ในซานฟรานซิสโก แพโล แอลโต และพิตส์เบิร์ก
ถ้าดีลนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่—มันก็ใช่ ยิ่งในเวลานี้ที่ทุกจุดเล็กๆ ในโลกใบนี้สามารถเชื่อมโยงกันเพื่อจะให้บริการดิจิทัลในโลกที่จับต้องได้ เราต้องสร้างระบบการขนส่งอย่างชาญฉลาด พร้อมกับปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ที่สามารถทำให้ชีวิตมนุษย์ดียิ่งขึ้น
เมื่อมีเทคโนโลยีขั้นสูงเกิดขึ้น การร่วมมือระหว่าง Otto กับ Uber เปรียบได้กับทีมในฝัน Anthony เป็นหนึ่งในวิศวกรที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งของโลก เขาเป็นผู้ประดิษฐ์รถจักรยานยนต์ไร้คนขับคันแรก ที่เรียกว่า Ghostrider ซึ่งจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อเมริกันแห่งชาติ สถาบันสมิธโซเนียน และ Anthony เป็นผู้ประกอบการที่มีความเก่งกาจในเรื่องของการรับรู้วิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้บริโภคได้รวดเร็ว
นอกจากนี้เรายังได้ร่วมมือกับทีมวิศวกรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก รถยนต์และรถบรรทุกไร้คนขับพร้อมที่จะให้บริการแล้วโดยความร่วมมือของทีม Otto และศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีของ Uber ในเมืองพิตส์เบิร์ก ซึ่งลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่สัมผัสได้จากบริการร่วมเดินทาง และขนส่งในกว่าร้อยเมือง ด้วยข้อมูลและความรู้อย่างลึกซึ้งจากการเดินทางบนท้องถนนมากกว่า 1.2 พันล้านไมล์ทุกเดือน
ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นประโยชน์จากการเติบโตของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนที่เชื่อมโยงกับระบบขนส่ง หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการขนส่ง เนื่องจากผู้ใช้บริการสามารถกดปุ่มเพื่อเลือกบริการรับส่งข้ามเมืองได้อย่างมั่นใจ นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีและรวดเร็วมากขึ้น บริการขนส่งสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่นช่วยลดจำนวนของผู้ที่เมาแล้วขับ เพิ่มจำนวนผู้ให้บริการด้านขนส่งสาธารณะ รับส่งผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางแม้ในสถานที่ที่ระบบขนส่งพื้นฐานเข้าไม่ถึง และเพิ่มรายได้ให้ผู้ขับขี่ที่กลายมาเป็นเจ้าของรถ และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือการเติบโตของสมาร์ทโฟนทำให้การหาเพื่อนร่วมเดินทางกลายเป็นเรื่องจริง โดยการให้คนที่ใช้เส้นทางเดียวกันเดินทางร่วมกันในรถคันเดียว ทำให้ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนลดลง ส่งผลให้การจราจรบนท้องถนนไม่แออัดและลดมลภาวะทางอากาศได้อีกด้วย
อย่างไรก็ดีนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องของความปลอดภัย ทุกๆ ปีประชากรมากกว่า 1 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และร้อยละ 90 มาจากความประมาทของผู้ขับขี่ ในสหรัฐอเมริกา คนที่อายุต่ำกว่า 25 ปีส่วนใหญ่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับสามารถลดปัญหาดังกล่าวได้ จึงเป็นเหตุผลให้วันนี้เราได้ประกาศความร่วมมือกับ Volvo พันธมิตรผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดนและได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน ภายใต้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่ง Uber เองไม่เคยมีประสบการณ์ในการผลิตรถยนต์มาก่อน จากที่ผมมีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ผมตระหนักได้ว่าการจะพัฒนาระบบที่ดีจริงๆ นั้นยากมาก ดังนั้นความร่วมมือด้านการให้บริการด้านเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับของ Uber กับผู้ผลิตรถยนต์ค่ายยักษ์ใหญ่ที่ได้รับรองมาตรฐานเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาช้านานอย่าง Volvo เราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเส้นทางของแผนร่วมพัฒนาของเราจะเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่กว่าการเดินเพียงลำพัง
ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรที่ยอดเยี่ยมอย่าง Volvo รวมไปถึงยินดีต้อนรับทีม Anthony, Lior และ Otto เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับ Uber เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับพวกคุณ ถึงเวลาของก้าวที่ยิ่งใหญ่
ทราวิส คาลานิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Uber